• Welcome to ลงประกาศฟรี โปรโมทเว็บ SEO SMF PBN.
 


Article ID.✅ C64E3 ชนิดของฐานรากในงานวิศวกรรม: คุณสมบัติและข้อดีข้อเสีย

Started by hs8jai, May 15, 2025, 12:57 PM

Previous topic - Next topic

hs8jai

ฐานราก (Foundation) เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของส่วนประกอบ เพราะว่าเป็นส่วนที่ช่วยรองรับน้ำหนักรวมทั้งถ่ายโอนแรงทั้งผองจากองค์ประกอบด้านบนสู่ชั้นดินหรือชั้นหินข้างล่าง การเลือกประเภทของฐานรากที่เหมาะสมกับลักษณะส่วนประกอบและก็ภาวะดินเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยทำให้องค์ประกอบมีความมั่นคงยั่งยืนและไม่มีอันตราย ในบทความนี้ พวกเราจะมาเจาะลึกถึงประเภทของโครงสร้างรองรับ คุณลักษณะ จุดเด่น รวมทั้งจุดบกพร่องของแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้เข้าใจและเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม



🦖📌✨ประเภทของรากฐาน

โครงสร้างรองรับสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักหมายถึงรากฐานตื้น (Shallow Foundation) รวมทั้งรากฐานลึก (Deep Foundation) โดยทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันในด้านของโครงสร้าง การออกแบบ รวมทั้งการดัดแปลง

1. ฐานรากตื้น (Shallow Foundation)
รากฐานตื้นเป็นฐานรากที่วางอยู่ใกล้กับผิวดิน และก็เหมาะกับส่วนประกอบที่น้ำหนักไม่มากมายหรือภาวะดินมีความแข็งแรงเพียงพอ ฐานรากชนิดนี้ได้รับความนิยมใช้ในองค์ประกอบทั่วไป ได้แก่ บ้านพักอาศัย อาคารขนาดเล็ก รวมทั้งการก่อสร้างที่ไม่ซับซ้อน

-------------------------------------------------------------
นำเสนอบริการ เจาะสํารวจดิน | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท ทดสอบดิน บริการ เจาะสํารวจดิน วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรม ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Integrity Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 Website:  เจาะสํารวจดิน
👉 Map: เส้นทาง
-------------------------------------------------------------

ตัวอย่างของรากฐานตื้น
-ฐานรากแผ่ (Spread Footing): เป็นฐานรากที่มีการกระจัดกระจายน้ำหนักขององค์ประกอบในพื้นที่กว้าง เหมาะกับอาคารที่มีคานและก็เสาสร้างบนผิวที่แข็งแรง
-ฐานรากแถบ (Strip Footing): ใช้สำหรับรองรับกำแพงที่มีน้ำหนักค่อยหรือส่วนประกอบที่มีลักษณะเป็นแนวยาว
-รากฐานแผ่น (Mat Foundation): ใช้สำหรับส่วนประกอบที่ปรารถนากระจัดกระจายน้ำหนักในพื้นที่ขนาดใหญ่ อย่างเช่น อาคารสูงในพื้นที่ดินอ่อน

จุดเด่นของโครงสร้างรองรับตื้น
-ใช้งบประมาณน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับรากฐานลึก
-ก่อสร้างได้ง่ายและก็รวดเร็วทันใจ
-เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ดินมีความแข็งแรง

จุดด้วยของโครงสร้างรองรับตื้น
-ไม่เหมาะสมสำหรับพื้นที่ดินอ่อนหรือดินที่มีการเปลี่ยนสภาพ
-ไม่สามารถที่จะรองรับส่วนประกอบที่มีน้ำหนักมากมายได้

2. รากฐานลึก (Deep Foundation)
รากฐานลึกถูกดีไซน์มาเพื่อกระจัดกระจายน้ำหนักขององค์ประกอบไปยังชั้นดินหรือชั้นหินที่มีความแข็งแรงอยู่ลึกใต้พื้นผิว เหมาะกับองค์ประกอบขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ดินมีความอ่อนตัวสูง

แบบอย่างของฐานรากลึก
-เสาเข็มตอก (Driven Pile): เป็นเสาเข็มที่ถูกตอกลงดินเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เหมาะกับองค์ประกอบขนาดใหญ่
-เสาเข็มเจาะ (Bored Pile): เป็นเสาเข็มที่เจาะดินรวมทั้งเทคอนกรีตลงไป เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่สามารถที่จะใช้เสาเข็มตอกได้
-รากฐานเสาเข็มลอย (Floating Foundation): ใช้ในส่วนประกอบที่อยากได้กระจัดกระจายน้ำหนักในพื้นที่ที่มีการทรุด

ข้อดีของโครงสร้างรองรับลึก
-สามารถรองรับน้ำหนักขององค์ประกอบขนาดใหญ่ได้
-เหมาะกับพื้นที่ดินอ่อนหรือดินที่มีการยุบ
-เพิ่มความยั่งยืนและมั่นคงให้กับองค์ประกอบในสิ่งแวดล้อมที่มีการเสี่ยง

จุดด้วยของรากฐานลึก
-รายจ่ายสูงกว่าโครงสร้างรองรับตื้น
-ใช้เวลาและแนวทางเฉพาะสำหรับในการก่อสร้าง
-จำเป็นต้องอาศัยการสำรวจดินอย่างละเอียดลออเพื่อปกป้องปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

📌🥇🦖การเลือกฐานรากที่เหมาะสม

การเลือกประเภทของโครงสร้างรองรับขึ้นกับหลายเหตุ ได้แก่ น้ำหนักของโครงสร้าง ภาวะดิน และก็สิ่งแวดล้อม การสำรวจดิน (Soil Investigation) เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยให้วิศวกรสามารถประเมินรวมทั้งเลือกรากฐานได้อย่างเหมาะควร โดยวิธีการเลือกมีดังนี้:

การคาดการณ์น้ำหนักโครงสร้าง:
จำต้องคำนึงถึงน้ำหนักของส่วนประกอบและการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น อาคารอยู่อาศัย โรงงาน หรือสะพาน
การวิเคราะห์ภาวะดิน:
กระทำเจาะสำรวจดินแล้วก็ทดสอบคุณสมบัติของดิน ดังเช่นว่า ความแน่น ความแข็งแรง และก็การซึมผ่านของน้ำ
สภาพแวดล้อม:
พินิจสาเหตุที่อาจมีผลต่อโครงสร้างรองรับ ยกตัวอย่างเช่น แรงสั่นสะเทือน อุทกภัย หรือดินกระหน่ำ
ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ:
เลือกฐานรากซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการรวมทั้งงบประมาณ

📢🌏📌ตัวอย่างการใช้แรงงานในงานก่อสร้าง

บ้านพักอาศัย:
ใช้โครงสร้างรองรับแผ่หรือรากฐานแถบ เนื่องมาจากน้ำหนักของโครงสร้างไม่มาก รวมทั้งสภาพดินมีความแข็งแรง
อาคารสูง:
ใช้เสาเข็มเจาะหรือเสาเข็มตอกเพื่อรองรับน้ำหนักของโครงสร้างและเพิ่มความมั่นคงยั่งยืน
สะพาน:
ใช้โครงสร้างรองรับเสาเข็มลึกเพื่อกระจายน้ำหนักของโครงสร้างไปยังชั้นดินที่มั่นคงจะ
โรงงานหรือคลังสินค้า:
ใช้โครงสร้างรองรับแผ่นหรือเสาเข็มตามรูปแบบของน้ำหนักบรรทุกและก็ภาวะดิน

✨🦖🥇บทสรุป

การเลือกประเภทของรากฐานที่สมควรนับว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความมั่นคงยั่งยืนและก็ความปลอดภัยให้กับส่วนประกอบ รากฐานตื้นเหมาะสำหรับองค์ประกอบขนาดเล็กแล้วก็ดินที่มีความแข็งแรง ตอนที่รากฐานลึกเหมาะกับโครงสร้างขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่ดินอ่อน การวิเคราะห์สภาพดินรวมทั้งการออกแบบที่สอดคล้องกับมาตรฐานวิศวกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้แผนการก่อสร้างเสร็จได้โดยสวัสดิภาพและยืนนาน

แนวทางการทำความรู้ความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของฐานรากแต่ละชนิดจะช่วยทำให้สามารถตกลงใจเลือกฐานรากได้อย่างมีคุณภาพ พร้อมด้วยช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวของโครงสร้างในอนาคต
Tags : Field Density Test




Naprapats


dsmol19


Jessicas





Chigaru


Panitsupa

ทดสอบความหนาแน่นของดินในสนามราคาเท่าไหร่ครับ